5 ประเภท ธุรกิจออนไลน์

1. E-Commerce
คือ ขายของออนไลน์ มีสินค้าแบรนด์ของตัวเอง มีสินค้าในมือสต๊อกสินค้าหรือมีหน้าร้าน
แล้วสร้างเว็ปไซต์หรือแฟนเพจขายสินค้า ซื้อมาขายไป โดยใช้ช่องทางออนไลน์ ขายสินค้าธรรมดา จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าทางไปรษณีย์
2. Affiliate Marketing
คือ นายหน้าขายสินค้า

ขายของออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องมีสินค้าแบรด์ของตัวเอง เป็นการนำสินค้าของคนอื่นมาจำหน่ายในนามของเรา เราไม่ต้องผลิตหรือสต็อกสินค้า โดยเจ้าของสินค้าจะอยู่เบื้องหลังไม่ออกมาขายสินค้าเอง หน้าที่เราคือทำการตลาดบนโลกออนไลน์ด้วยรูปภาพ

เมื่อลูกค้าของเราสั่งซื้อสินค้า เราจะมีหน้าที่ส่งรายละเอียดการสั่งซื้อให้เจ้าของสินค้าเพื่อจัดส่งสินค้าในนามของเรา และเราจะมีรายได้ที่เกิดจากส่วนต่างของราคาสินค้า หรือค่าคอมมิชชั่น แล้วแต่จะตกลง เช่น สินค้าพรีออเดอร์ หรือการทำ Dropshipping เป็นต้น
3. Info Product

คือ การขายประเภทหนึ่งที่สินค้าคือสิ่งของจับต้องไม่ได้ เช่น การขายคอร์สเรียน การขายหนังสือ E-Book เป็นต้น

การขายประเภทนี้ไม่ต้องลงทุนด้านผลิตสินค้า เพราะสินค้าเกิดจากประสบการณ์ ความรู้และเทคนิคของเราเอง ที่เรารวบรวมเรียบเรียงและนำมาสอน โดยสิ่งที่เราบอกเล่านั้นสามารถแก้ไขปัญหาหรือตอบโจทย์ลูกค้าได้ สินค้าประเภทนี้สามารถผลิตซ้ำได้เสมอไม่มีวันหมด ขึ้นอยู่กับไอเดีย ทักษะและความสามารถของเรา
4. Publisher

คือ การขายพื้นที่โฆษณาในเว็ปไซต์ของเรา วิธีการนี้นับว่าทำง่ายสุดแล้วในบรรดา 5 ประเภทนี้

วิธีการทำคือ เราจะต้องมีเว็ปไซต์ของเราแล้วใส่เนื้อหาดีๆ ที่ผู้คนให้ความสนใจ จนเว็ปไซต์เรามาคนเข้าชมมากๆ ติดตลาด เป็นที่นิยม หลังจากนั้นก็เปิดให้เช่าพื้นที่ลงโฆษณาในเว็ปไซต์ของเรา หรือที่เราๆ เห็นโฆษณากระพริบๆ ทุกครั้งที่เข้าเว็ปไซต์ดังๆ นั่นแหละครับ เจ้าของสินค้าเขามาเช่าพื้นที่เพื่อโปรโมทสินค้าของเขา ส่วนเราก็จะได้ค่าเช่าพื้นที่ลงโฆษณา พูดง่ายๆ เหมือนกับเราให้เขาเช่าพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาหน้าบ้านเรานั่นแหละครับ
5. MLM Online
คือ การธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ นั่นเอง

ก็นับว่าเป็นธุรกิจที่ทำยากที่สุด ในบรรดา 5 ประเภทนี้เลย แต่ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงที่สุด 

ธุรกิจเครือข่าย ก็คือตัวธุรกิจที่มีสินค้า มีระบบ มีนวัตกรรม และมีระบบการจ่ายผลตอบแทน ถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนวิธีการทำการตลาดเป็นเรื่องของนักธุรกิจแต่ละคน ว่าจะเลือกทำการตลาดแบบไหน ดังนั้นวิธีการจึงไม่ได้จำกัดตายตัวจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นว่า บางทีทำธุรกิจเครือข่ายเดียวกัน ทีมเดียวกัน แต่วิธีการก็อาจจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงก็ได้

วิธีการตลาดออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่นักธุรกิจเครือข่ายเลือกใช้ และแม้จะนำมาทำในโลกออนไลน์ แต่วิธีการบนโลกออนไลน์ก็มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่านักธุรกิจคนนั้น ใช้วิธีไหน วิธีสีขาว สีเทา หรือสีดำ แล้วแต่ แต่ละคน
ตอนนี้เพื่อนๆ ผู้อ่านกำลังทำธุรกิจออนไลน์อยู่หรือเปล่าครับ???
แล้วทำแบบนี้ คือ การทำธุรกิจออนไลน์ไหม??
1. Tag
2. Spam
3. Post วันๆ
จะถือว่าทำธุรกิจออนไลน์ไหม??
เพื่อนๆ อาจจะสงสัย เพราะ 80% ทำวิธีนี้กันหมดเลย

ในนามของผมนะครับ ผมไม่คิดว่า การทำแบบนี้คือธุรกิจออนไลน์ มันไม่ใช่เลย ห่างไกลไปเยอะมากเลยครับ

การทำธุรกิจออนไลน์ หรือเป็นนักธุรกิจออนไลน์ มันต้องมีมากกว่าการมีเว็ปไซต์แล้วโพสต์ขาย แนะนำโน่นนี่นั่นไปวันๆ

อันนี้มันก็เปรียบได้แค่ "นักกระจายโฆษณา" เท่านั้นเอง ไม่ใช่นักธุรกิจออนไลน์

ถ้าพูดให้เห็นภาพนะครับ เขาเป็นแค่คนแจกใบปลิวตามห้างอะครับ เท่านั้นจริงๆ ผลที่ได้หละ...

เราอาจจะถูกบางคนบอกว่านี่คือวิธีทำธุรกิจออนไลน์ โพสต์ไปเถอะ สินค้าดังขึ้น ธุรกิจดังขึ้น ผู้นำเราดังขึ้น แต่เราหละ ไม่ดังเหมือนเดิม เพราะเราเป็นแค่คนแจกใบปลิวทำให้คนอื่นดัง

เพื่อนๆ คิดว่า พอเราแจกใบปลิวไปปุ๊บ ลูกค้าสนใจสินค้า เขาจะมาซื้อกับคนแจกใบปลิวหรือเขาจะไปซื้อกับเจ้าของหละครับ

นั่นแหละครับคือคำตอบว่า ทำไมทำมาตั้งนานแล้วไม่มีรายได้มากมายสักที มีก็แค่ปละปลาย หลงฟลุ๊กมาเจอเราแล้วก็หายไป

ประการต่อมา เพื่อนๆ เคยถูกแท็กสินค้า หรือเคยถูกทักแชตมาขายของหรือเคยถูกได้รับเมลล์ขายของโดยที่เราไม่เคยบอกเขาเลยว่าฉันสนใจอยากรู้ หรือถูกหลอกถูกโม้ ไม่พูดความจริง พอเรื่องจริงปรากฏก็กดดันทันที เคยเจอแบบนี้บ้างไหมครับ??
ถ้าเคยหละก็ นั่นเขาเรียกว่า "Spam" 
คือการยัดเยียดข้อมูลโดยที่เขาไม่เคยบอกว่าสนใจเลย ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและไม่ใช่การทำธุรกิจออนไลน์ด้วย ก็เหมือนเราแจกใบปลิวด้วยการยัดกระดาษใส่มือผู้คนที่ไม่ได้สนใจ หรือแอบไปยัดไว้ที่หน้ากระจกรถ อะไรประมาณนี้ ผลที่ได้คือ จริงอยู่เขารู้จักสิ่งที่เรานำเสนอ แต่รู้จักด้วยความรำคาญ 
เราคิดว่าเราเก่งชนิดที่ขายของให้คนที่กำลังรำคาญเราได้ไหมหละ ถ้าเป็นผมอะขอยอมแพ้ หน้าผมไม่ด้านพอจะรับได้ 555+
จริงๆ แล้วหัวใจขอการทำธุรกิจออนไลน์คือ
ทำให้ผู้สนใจ "รู้จัก ชอบพอและเชื่อถือ" รู้จักจนชอบพอ ชอบพอจนเชื่อถือ ทีนี้เราจะสามารถปิดการขายให้ลูกค้าด้วยความเต็มใจ  
ฉะนั้นเลิกเสียเถิดการทำธุรกิจเบียดเบียนชาวบ้าน เพราะภาพพจน์เราจะเสียในระยะยาว
แล้วการทำธุรกิจออนไลน์

จริงๆ แล้วมีวิธีการอะไรบ้างหละ??...

11 ช่องทางการทำการตลาด Online

1. การตลาดด้วยบทความ
คือ การนำเสนอเรื่องต่างๆ ด้วยการเขียนบทความ เรียงความในเว็ปบล็อค
ทักษะนี้นับว่าสำคัญมาก เพราะผู้ติดตามเรา เขาจะเห็นเราคือผู้เชี่ยวชาญมากในเรื่องนั้นๆ
ผู้ที่เขียนเก่งๆ ผู้อ่านจะรู้สึกว่า เราเชี่ยวชาญ และเชื่อถือในตัวเรา จนตัดสินใจซื้อสินค้าเราเป็นง่ายดายมาก
บางบทความเขียนดีมากถึงขั้นที่ว่าผู้สนใจอ่านจบ เหมือนต้องมนต์สะกดซื้อตามโดยไม่ลังเลเลย จนสามารถสร้างยอดขายให้ผู้เขียนได้มากมาย ทักษะการเขียนบทความจึงถือเป็นทักษะเงินล้านเลยก็ว่าได้ 

เขียนดีน่าติดตาม เขียนเจาะใจ น่าสนใจ พาดหัวโดน คำโปรยโฆษณาดี ก็มีคนสนใจชมรายละเอียด และศึกษาข้อมูลต่อไปจนปิดการขาย แถมสามารถติด SEO ได้ง่ายอีกด้วย

2. การตลาดด้วย E-mail
วิธีนี้ ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่การมานั่งดูดเมลล์ กรองเมลล์ ขโมยเมลล์ของเขาแล้วเอาไปส่ง E-mail โฆษณาขยะไปให้เขานะ อันนั้นเขาเรียกว่า "Spam"
วิธีนี้มีไว้เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้สนใจ และส่งข้อมูลดีๆ ให้เขาตามที่เขาได้แสดงความจำนงว่าต้องการรับข้อมูล
ทีแรกผมก็คิดว่า E-mail ใครจะไปเล่นมันเข้ายาก แต่หลังจากเจ้าของ E-mail ของผลิต App ในมือถือ ก็ทำให้ผู้คนกลับมาเล่น E-mail กันมากขึ้น ปัจจุบันช่องทางนี้ก็นับว่ายังคงมีประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลให้ผู้สนใจอยู่ครับ 
3. การตลาดทางอ้อม
คือ การขายเหมือนไม่ขาย 
ชักจะงง 555+ พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการสร้างคุณค่าให้ตัวเอง ด้วยการมอบความรู้ดีๆ ที่เรามี และเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราจะขาย ให้ความรู้ก่อนแล้วขายทีหลัง
ยกตัวอย่างโฆษณาดีๆ ที่จรรโลกใจเรา ทั้งเรื่องไม่มีขายของเลย แต่มีแบรนด์เราจบสุดท้าย หรือไม่ก็ตอนดูหนังอะครับ พระเอกนางเอกใช้ของชิ้นนั้นในหนัง ผู้สนใจเห็นก็อยากซื้อใช้ตาม นี่แหละครับ ขายเหมือนไม่ได้บอกขาย
สร้างตัวตนให้คนติดตาม แล้วให้ลูกค้าฉุกคิดอยากรู้จักสินค้าเรา หรือตัวเรา
4. การตลาดด้วย SEO
คือการทำตลาดตามคีร์เวิร์ดต่างๆ จนคำๆ นั้นในเว็ปไซต์ของเรา ไปติดหน้าแรกของ Google
สังเกตดูนะ พอเราอยากรู้เรื่องอะไร เราจะเข้า Google แล้วค้นหาด้วยคำ
ถ้าเราสามารถทำให้คำของเราที่ผู้สนใจหรือกลุ่มเป้าหมายของเราอยากรู้ จนค้นหาแล้วพบเว็ปไซต์เราติดอยู่หน้าแรกแล้วหละก็ เว็ปไซต์เราจะมีคนเข้ามาคลิกดูเยอะมากทุกวัน ถ้าดูแล้วตอบโจทย์แก้ปัญหาให้เขาได้ เขาก็จะซื้อ
นับว่าเป็นช่องทางที่ดีมาก ถ้าติดหน้าแรกและตรงกลุ่มเป้าหมาย เว็ปไซต์เราจะมีคนมาซื้อของทุกวัน มีรายได้อย่างมั่นคงมากที่สุด ระยะยาวได้เลย แต่ก็เป็นช่องทางที่ทำยากมากที่สุดในบรรดา 11 ช่องทาง
5. การตลาดด้วยโซเชียลเน็คเวิร์ค
สื่อโซเชียลเน็คเวิร์ค คือที่ที่ผู้คนมาเล่นเพื่อพบปะกัน ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, IG, G+, ฯลฯ 
นับว่าเป็นช่องทางที่ผู้คนมาอยู่มาเล่นมามีปฏิสัมพันธ์กันเยอะมาก ผู้คนมาเสพสื่อ มาอัพเดต มาดูเรื่องราว ในนี้เยอะมากๆ จึงถือว่า การทำการตลาดด้วยวิธีนี้เข้าถึงผู้คนได้มากเลยทีเดียว

แต่อย่าลืมนะครับ ผู้คนมาเล่นเพื่อความบันเทิง ไม่ใช่ตั้งใจมาซื้อของ ฉะนั้น ถ้าเราเอาแต่ขาย 100% แล้วไม่อาจแก้ปัญหาให้เขาได้ เขาก็จะเลื่อนทิ้งด้วยความรวดเร็ว

ฉะนั้นผมบอกว่านี่คือเครื่องมือสร้างชีวิตชั้นดีมากๆ ถึงมากที่สุด มีผู้คนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนด้วยวิธีนี้ กระบอกเสียงชั้นเลิศ ประกาศแล้วดังไปถึงดาวอังคาร 555+
มันขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะเอาสุดยอดเครื่องมือนี้ไปทำอะไร เล่นขำๆ หรือสร้างชีวิตจริงจัง
6. การตลาดด้วย VDO 
คือการทำคลิป VDO ขึ้นมา ไม่ว่าจะทำเพื่อขายของ หรือสร้างตัวตน หรือสร้างคุณค่า หรือให้ประโยชน์ผู้คน ก็แล้วแต่ได้ทั้งนั้น 
การสร้างตัวตนผ่าน Youtube ทรงพลังมากๆ
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ก็น่าจะเคยเห็นหลายๆ คนที่ดังชั่วข้ามคืน เห็นพลังของ VDO ไหมหละครับ
แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะดังขำๆ หรือดังเพื่อสร้างชีวิตหละ
วิธีการนี้ผมสนับสนุนมาก เพราะเป็นวิธีการที่ช่วยสร้างตัวตนเราได้ดีที่สุดเลย ผู้สนใจจะเห็นทั้งภาพเคลื่อนไหว เสียง สำเนียง กิริยาและอื่นๆ ทั้งหมด เหมือนเรามาอยู่ใกล้กันเลย ทำให้ผู้สนใจเกิดความรู้จัก ชอบพอและเชื่อถือเราแบบพร้อมๆ กันได้เลย แถมติด SEO ง่ายพอๆ กับการตลาดด้วยบทความด้วย อย่าลืมนะครับ YouTube ตอนนี้เป็นของ Google แล้วครับ
7. การตลาดด้วยการโพสต์ โปรโมท
คือการโพสต์โปรโมทข้อมูลเราในที่ต่างๆ เช่น Facebook กลุ่ม, เว็ปบอร์ด เป็นต้น
ส่วนใหญ่จะเน้นการประกาศ ที่เราๆ เคยเห็นหนะครับ ใครๆ ก็ทำกัน

ในวิธีการนี้ถ้าจะให้เห็นผลลัพธ์ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจนผู้คนจำได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผู้คนจำได้ หรือสร้างกระแส สินค้า ธุรกิจ หรือตัวเรา ตอบให้ได้ว่าจุดขายตัวเราคืออะไร ทำไมเขาต้องเลือกเรา

แต่เพราะมันเป็นวิธีที่ทำง่ายที่สุด คนส่วนมากก็เลยนิยมทำ เมื่อผู้คนนิยมทำกันมาก จึงกลายเป็นวิธีการที่ได้ผลลัพธ์น้อยมากที่สุดเช่นเดียวกัน ยิ่งถ้าทำเพื่อปิดการขาย ต้องรอฟลุ๊กอย่างเดียว แต่ถ้าทำเพื่อเป็นกระบอกเสียง เสนอผลงาน สร้างกระแส ให้คนจดใจ อันนี้โอเคเลย

ฉะนั้นอย่างที่ผมบอก อย่ามัวเอาแต่โพสต์ๆ ไปวันๆ ให้หมั่นไปพัฒนาตัวเองทำวิธีอื่นเพื่อสร้างทักษะให้ตัวเองด้วย เพราะรายได้ของเราจะโตตามทักษะความสามารถ
8. การตลาดด้วยโฆษณา
วิธีการนี้ต้องใช้เงินครับ เป็นการลงโฆษณาในแบบต่างๆ มีมากมายครับ ทั้งเช่าพื้นที่เว็ปติดโฆษณาเรา ทั้งโฆษณาในสื่อโซเชียลเน็คเวิร์ค ก็ได้

นับว่าได้ผลมาก และเร็วที่สุด เป็นการใช้เงินทำงานแทน ถ้าทุนถึง ลุยเลยคุ้มแน่นอน
ไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ต้องลงทุน แต่การลงทุนโฆษณาสื่อออนไลน์ ถ้ากลุ่มเป้าหมายชัด คำโฆษณาโดนแล้วหละก็ ผลลัพธ์มามากมายเลย แต่ก็เป็นวิธีการที่ไม่มั่นคงเท่าการสร้างตัวตน เพราะถ้าเงินหมด ผลงานเราก็หมดเช่นเดียวกัน แต่ถ้าสร้างตัวตนได้เหมือนติดลมบน ผู้คนจะวิ่งมาหาเราตลอด ต้องซื้อกับเราเท่านั้น ราคาไม่เกี่ยงแล้ว
9. การตลาดแบบลุกลาม
คือ การกด Like กด Shard การส่งต่อ การบอกต่อปากต่อปาก นี่แหละครับลุกลาม
นับว่าเป็นการตลาดที่ทำให้ผู้สนใจเชื่อมากที่สุด
ถ้าเราพูดเขาก็เชื่อเราแค่ 20% เพราะเรามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าคนอื่นบอกว่าดี อันนี้เชื่อ 80% เลย
การตลาดวิธีนี้จะเกิดขึ้นได้ เราจะต้องมีเนื้อหาที่ดีและโดน มีประโยชน์กับผู้คน เขาถึงจะบอกต่อเรื่องราว
ยกตัวอย่าง คุณตัน อิชิตัน โปรโมชัน แจกทอง แค่กด Like กด Shard แล้วผู้คนก็บอกต่อกันทั่วบ้านทั่วเมืองจนสินค้าเขาดัง นั่นแหละครับลุกและลามจนไร้ขีดจำกัด
10. การตลาดด้วยสัมมนาออนไลน์

คือการจัดรายการสด ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมสด Live สด อะไรก็แล้วแต่ที่พูดสดๆ
วิธีการนี้นับว่าเป็นวิธีที่ปิดการขายได้เด็ดขาดที่สุด เราได้พูดคุยแบบ Real Time ผู้สนใจเขาสงสัยข้อใจเรื่องอะไร เราก็สามารถตอบเขาได้ทันทีเลย คลายข้อข้องใจได้ในทันที บิ้วอารมณ์เล่าเหตุผลตรงนั้น ปิดการขายได้เหมือนเราพูดคุยกันแบบใกล้ๆ

11. การตลาดด้วย SMS / Line@
เป็นช่องทางเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้สนใจ ยิ่งสนิทกัน เขาก็จะชอบพอในตัวเรา การมีปฏิสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการักษาผู้สนใจให้คงอยู่กับเรา เพราะการที่เขาไม่สนใจวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า วันข้างหน้าเขาจะไม่สนใจตลอดไป
วิธีการนี้เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เข้าถึงผู้สนใจแบบประชิดรองลงมาจากการโทรหา ฉะนั้นจึงเป็นอีกช่องทางที่จะทำให้เราพูดคุยกันง่ายขึ้นและส่งข้อมูลให้กันเร็วขึ้น
เอาตรงๆ ว่า การทำธุรกิจออนไลน์นั้น จำเป็นต้องมีการลงทุนเป็นของธรรมดา

ไม่มีงานไหนที่สามารถจับเสือมือเปล่าได้หรอกครับ อันนี้ต้องพูดเรื่องจริง ไม่มีมโนขายฝัน

แต่การลงทุนนั้นจะมากจะน้อย คุ้มหรือไม่คุ้ม ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจที่เราเลือกทำว่า มีเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้สนับสนุนครบครันขนาดไหน
แถมวิธีการใช้งานรายละเอียดต่างๆ ก็ไม่มีสอนในรั้วโรงเรียน เราจะต้องหาเรียนเทคนิค เคล็ดลับและวิธีการเอาเอง จะมานั่งเทียนคิดเอาเองตามความรู้สึกไม่ได้หรอกครับ มันคือหลักสูตรที่ต้องเรียนรู้และพัฒนา (เว้นแต่ว่า ธุรกิจที่เราเข้าร่วมมีการเรียนการสอนกันด้วยก็จะดีมากๆ)
การตลาดแบบดึงดูด (Attraction Marketing)

และอีกแนวคิดการตลาดที่สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์ วิธีนี้นับว่าเป็นการตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจออนไลน์ มากๆ  และเป็นรูปแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
การตลาดแบบดึงดูด เป็นแนวคิดที่คิดตรงกันข้ามกับการตลาดทั่วไป 

เมื่อเราจะขายของ เราก็มักจะคิดว่า ผู้ขายต้องวิ่งไล่ล่าหาผู้สนใจ ไปบอกเล่า ไปแนะนำ ไปยัดเยียดข้อมูลให้เขา และสิ่งที่เราเห็นก็คือการถูกปฏิเสธบ้างเสียญาติมิตรก็มี
แต่การตลาดดึงดูด คิดกลับกันว่า พยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเราเองจนผู้สนใจวิ่งเข้าหาเราเพื่อซื้อสินค้าหรือเข้าร่วมธุรกิจกับเรา โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากชวน
จะทำไงหละที่จะทำให้ผู้สนใจคิดว่า ต้องซื้อกับเราเท่านั้น สมัครกับเราเท่านั้น

ทางเดียวเลยคือสร้างคุณค่าให้ตัวเอง หาคำตอบได้ว่า สินค้าแบบนี้ ธุรกิจแบบนี้มีผู้คนมากมายที่ทำเหมือนเรา ทำไมเขาต้องมาสมัครกับเราด้วย

แล้วเราจะได้พูดคุยกับผู้ที่สนใจเท่านั้น เพราะคนที่ไม่สนใจเขาก็จะไม่มาคุยกับเรา
ยุคนี้คือยุคผู้สนใจเลือกผู้นำเสนอนะครับ สร้างคุณค่าให้แตกต่าง แล้วผู้คนจะวิ่งมาหาเรา เพื่อให้เราแก้ปัญหาให้เขา 
Content is King เนื้อหาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
สุดท้ายแล้ว แม้ว่าเราจะทำวิธีการไหนก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือ เนื้อหาที่ดี จะทำให้น่าติดตาม
เนื้อหาที่ดี คือ เนื้อหาที่มีประโยชน์ รู้แล้วมีประโยชน์ต่อผู้คน สามารถแก้ไขปัญหาให้ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายได้
เพราะฉะนั้นการสร้างเนื้อหาที่ดี เราจะต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร เราทำเนื้อหาใครคนกลุ่มไหนดู แล้วเจาะให้เป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์กับเขา
ผมเชื่อเลยว่าทุกๆ เนื้อหานั้นมีประโยชน์เสมอ แต่เนื้อหาที่น่าสนใจ คือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเขา รู้แล้วแก้ไขปัญหาเขาได้ เขาจึงสนใจและเห็นว่ามีประโยชน์
ชมเรื่องราวดีๆ ต่อไปได้เลยครับ...

This is the bottom slider area. You can edit this text and also insert any element here. This is a good place if you want to put an opt-in form or a scarcity countdown.